เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระ วันพระของชาวพุทธ วันทำกุศล เวลาทำบุญกุศล บุญกุศลคืออะไร เวลาบุญและบาปๆ บุญคือความดี บาปคือความชั่ว ความดีทำเพื่ออะไร ความดีทำเพื่อหัวใจของเรา ทำเพื่อตัวเราเอง ทำเพื่อตัวเราเองเพราะอะไร เพราะจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันมีแรงขับ บุญและบาปที่แรงขับนั้นไป
จิตนี้ไม่เคยเว้นวรรค ใครจะคิดอย่างไรเรื่องของเขา ใครจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ใครจะมีอีโก้สูงส่งขนาดไหนมันเรื่องของเขา เพราะใครท้าทายขนาดไหน เขาก็สร้างเวรสร้างกรรมในใจของเขา
แต่ถ้าเราเชื่อในบุญกุศลของเรา เราเชื่อในพระพุทธศาสนา เราเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะอะไร เพราะเราเชื่อในการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา วิมุตติสุข สุขหนอๆ ความสุขนั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ความสุขเกิดมาจากอยู่ที่โคนไม้ เสวยวิมุตติสุข ไม่ต้องทำสิ่งใดเลย มันมีแต่ความสุขไง
แต่เวลาคนเราเกิดมาก็มีกายกับใจๆ ถ้ามีร่างกายนี้ ร่างกายนี้ก็ต้องแสวงหาอาหาร ปัจจัยเครื่องอาศัยๆ ในฆราวาสธรรม ของเราเป็นฆราวาส เวลาฆราวาสเราทำบุญกุศลแล้วเราอยากประสบความสำเร็จในชีวิต เราอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเรา เราอยากเจริญรุ่งเรือง เราอยากเจริญก้าวหน้า ความก้าวหน้านั้นมันอยู่ที่การกระทำของเรา ถ้าอยู่ที่การกระทำของเรา ทีนี้คนเราทำแล้ว ว่าคนทำดีๆ แล้วไม่เห็นได้ดีเลย
ทำดีได้ดี ผลของวัฏฎฏะๆ เห็นไหม ในมงคลชีวิต อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในหมู่คณะที่ดี เกิดพบเพื่อนที่ดี นี่เป็นมงคลชีวิตทั้งนั้นเลย ฉะนั้น เราทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีของเรา
แต่เราเจอหมู่คณะ เราเจอพรรคพวกที่เอารัดเอาเปรียบ นี่ไง ทำดีแล้วไม่ได้ดีๆ เราก็ทำความดีของเราไง แต่คนเรามันอ่อนแอ พอเจอสิ่งใดที่เป็นอุปสรรค เจอสิ่งใดที่กีดขวาง มันก็น้อยเนื้อต่ำใจ มันก็เหมือนกับเป็นการประชดชีวิต “เขาไม่ทำดีเขายังได้ดีเลย เราก็เอาบ้าง เราเอาบ้างๆ” นี่คือคนที่จิตใจอ่อนแอ
แต่จิตใจที่เข้มแข็งนะ จิตใจที่เข้มแข็งเขาถือพระโพธิ์สัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเป็นเตมีย์ใบ้ เขาไม่เชื่อ เขาตัดหู ตัดจมูก ท่านก็เฉย ท่านเฉยของท่าน แต่เขาเวลาออกไปแล้วธรณีสูบเลย
ท่านเฉยของท่านเพราะอะไร เพราะบำเพ็ญเพียรบารมี บารมีท่านทำของท่าน กว่าจะมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทำของท่านมามากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะแล้วตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราเกิดมาแล้วเราก็อยากทำดีทั้งนั้นน่ะ เราทำคุณงามความดีของเรา เราทำคุณงามความดีของเรานะ คนเราเกิดมามีกายกับใจๆ ด้วยบุญกุศล มนุษย์สมบัติ ศีล ๕ ใครมีศีล ๕ นะ ใครที่มีศีลสมบูรณ์ขึ้นมา ชีวิตเขายืนยาว ใครตัดทอนชีวิตของเขา ชีวิตของเขาก็สั้น ใครได้ทำคุณประโยชน์สิ่งใดไว้ ถ้าทำสิ่งใดไว้ นั่นน่ะอำนาจวาสนาของคน
อำนาจวาสนาคือจังหวะและโอกาส จังหวะโอกาสมันสมดุลของมันไปทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้ามันขัดสนๆ ก็เรื่องของมันใช่ไหม เรื่องของมัน แต่เราจะสร้างคุณงามความดีๆ เพราะว่ากรรมเป็นอจินไตย เราไม่รู้หรอกว่าเราทำกรรมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เราได้สร้างบุญกุศลนะ เราได้มาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ จะนับถือศาสนาอะไรก็ได้ จะคิดอย่างไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ในกฎหมายนะ เราทำสิ่งใดก็ได้ๆ
นั่นเรื่องของเขา เรื่องของเขาเพราะอะไร ธาตุ ธาตุของคนมันเป็นอย่างนั้นน่ะ เราจะไปเปลี่ยนแปลงเขามันเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้ามันเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้ ทีนี้พอเกิดมาในชาติในตระกูลเดียวกัน เราก็พยายามเลี้ยงดู พยายามอบรมบ่มเพาะเพื่อให้เป็นคนดีทั้งนั้นน่ะ เราก็ปรารถนาจะเป็นคนดี แต่เป็นคนดี ยิ่งทำมากขนาดไหน ถ้ามันมีบาปต่อกัน มีแต่การขัดแย้งกัน นี่มันเป็นเรื่องของโลกนะ
บุญกุศลทำแล้วประสบความสำเร็จในชีวิต ทำแล้วเจริญรุ่งเรือง นั่นก็เป็นเรื่องของโลก เรื่องของชีวิตปัจจุบันนี้ แต่ถ้าคนมีสติมีปัญญาขึ้นมา มีสติปัญญา ชีวิตนี้มาจากไหน มาอยู่นี่เพื่ออะไร แล้วก็ตายเปล่า ถ้านักวิทยาศาสตร์เขาวิจัยแล้วว่ามันตายแล้วมันไม่เกิดหรอก มีชาตินี้ชาติเดียว เกิดมาก็จะแสวงหาความสุขให้เต็มที่เลย ตายแล้วก็แล้วไปไง มันสบายใจไหม มันสุขใจจริงหรือเปล่า
แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านมีบริขาร ๘ คนจนผู้ยิ่งใหญ่คือหลวงตามหาบัว หาเงินเพื่อชาติ พอมาหาเงินเพื่อชาติเป็นอันดับสอง อันดับหนึ่งคือจิตใจของคนที่มันโลเล ชาติทั้งชาติที่รวนเร ท่านออกมายืนยันเลยว่าท่านจะเป็นผู้นำ ท่านจะช่วยชาติ ท่านจะค้ำยันให้พวกเรามีกำลังใจขึ้นมา คนที่มันโลเลอยู่แล้วพร้อมใจกันกลับมาเพื่อประเทศชาติของตน อันนั้นน่ะยิ่งใหญ่
ท่านบอกสิ่งที่ยิ่งใหญ่คือคุณธรรม สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือความมั่นคง แล้วสิ่งที่ว่าท่านช่วยชาติๆ นั่นเป็นอันดับสอง ไอ้พวกเราก็ไปเห็น อู้ฮู! หมื่นล้าน ๑๐ กว่าตัน
ใช่ เพราะอำนาจวาสนาบารมีของท่าน ท่านบอกว่าสายบุญสายกรรมของท่านจะเชื่อฟังท่าน แต่คนที่โต้แย้ง คนที่ขัดขวางเยอะแยะไปหมดเลย แล้วคนที่โต้แย้ง คนที่ขัดขวางก็อยู่ในชาตินี้ ก็อาศัยความมั่นคงของชาตินี่แหละเป็นที่ชุกหัว แต่มันก็ทำลาย เห็นไหม ฉะนั้น เราจะหวังว่าเราจะไปแก้ไขใคร เป็นไปไม่ได้
แก้ไขหัวใจของเรา เราเกิดมา วันนี้วันพระ บุญกุศลเป็นเรื่องของทางโลกเขา ถ้าเรามีสติมีปัญญานะ เราจะแสวงหาฝึกหัดสติ ฝึกหัดสร้างสติ ฝึกหัดทำความสงบของใจ ฝึกหัดค้นคว้าหาใจของตน
พระพุทธศาสนาสอนเข้ามาที่ใจของสัตว์โลก หลวงตาท่านไปไหนท่านบอกไปเอาน้ำใจคนๆ คือเอาหัวใจคน แล้วหัวใจคนมันอยู่ที่ไหนล่ะ คนคนหนึ่งมันยังตีโพยตีพายว่าสังคมรังแก พ่อแม่รังแกหนู ทุกคนทำร้ายฉัน มันยังไม่คิดเห็นว่าหัวใจมันอยู่ไหนเลย พระพุทธศาสนาสอนที่นี่ไง
คนจะทำอย่างนี้ได้มันต้องมีสติมีปัญญานะ คนต้องมีวาสนาจริงๆ ถ้าไม่มีวาสนาจริงๆ มันไม่คิดถึงตัวมันเองหรอก มันจะคิดถึงแต่สังคมรอบข้างทำลายฉัน สังคมรอบข้างทำลายฉัน มีแต่คนทำลายฉัน ฉันนี้เป็นคนยอดเยี่ยม
แต่ถ้ามันมีสติปัญญาขึ้นมานะ ทุกคนเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน มีอำนาจวาสนาเหมือนกัน ถ้าเขามีอำนาจวาสนาแล้ว เขามีอำนาจแล้วเขาใช้อำนาจในทางที่ผิด เขาใช้หาแต่เวรแต่กรรมเข้าหัวใจของเขา นั่นเป็นความเบาปัญญาของเขา เราน่าสังเวชเขา
คนที่มีอำนาจวาสนาขึ้นมา เขาทำประโยชน์กับสังคม คนที่มีอำนาจวาสนาขึ้นมาทำเพื่อประโยชน์ คนคนนั้นจะเป็นคนดี นี่คนมีบารมีและไม่มีบารมีไง ดูสิ บางคนร่ำรวยมหาศาลเลย เขาไม่มีบารมี เขาไม่มีพรรคพวกเลย
บางคนไม่มีเงินมีทองสิ่งใดเลย เพื่อนฝูงเยอะแยะ เขามีบารมี มีน้ำใจ สิ่งนี้มีบารมีหรือไม่มีบารมีไง นี่ไง เรามองไปแล้วนั่นเป็นเรื่องของโลกไง แต่เราเกิดมาอยู่อย่างนี้ไง ผลของวัฏฏะๆ ไง
ปัจจุบันนี้คนเขาเบื่อหน่าย เขาหนีจากประเทศไทยไปทำงานเมืองนอกกัน เขาเบื่อหน่ายสังคม ตอนนี้มันทำได้ไง แต่พอไปแล้วก็ว้าเหว่นะ ลึกๆ แล้วทุกคนรักบ้านเกิดเมืองนอนของตน ไม่มีใครอยากจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนไปหรอก แต่ด้วยความคิดทางวิทยาศาสตร์ คิดถึงความเป็นไปไง
แต่ดูสิ ดูครูบาอาจารย์ของเรา ดูพระของเรา ดูหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นน่าสงสารมากนะถ้าพูดถึงทางโลก เวลาท่านออกประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ฝ่ายปกครองบีบคั้น หนีจากอุบลฯ มานะ หนีมาแล้วยังสั่งนะ อย่าใส่บาตรให้พวกนี้กินนะ อย่าใส่บาตร เพราะไม่เห็นกับส่วนรวม เพราะไม่เป็นเจ้าคณะจังหวัด ไม่เป็นเจ้าคณะอำเภอ
เขาจะตั้งให้หลวงปู่มั่นเป็นเจ้าคณะอำเภอ ท่านไม่รับตำแหน่ง ท่านหนีมาๆ ยังมีคำสั่งตามท้ายมานะ เพราะเป็นสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สั่งมาหมด ห้ามใส่บาตรๆ ท่านทุกข์หนีไป นี่ทำดีไม่ได้ดี แต่ท่านก็ภูมิใจของท่านนะ
เวลาหลวงตาท่านเขียนถึงประวัติหลวงปู่มั่น ท่านบอกไว้ เขียนแต่เรื่องดีๆ เขียนถึงแง่บวกของสังคม สิ่งใดที่ไม่ดี ท่านไม่พูดถึง นี่คือนิสัยของหลวงตา
เหรียญมีสองด้าน ในโลกนี้มีดีและชั่ว ในโลกนี้แม้แต่ในใจเรายังคิดดีคิดชั่ว แล้วเราบอกว่าทำดีแล้วไม่ได้ดีๆ...แล้วดีของมึงหรือ เวลาทำดีได้ดี เอ็งก็ตายน่ะสิ
กรณีนี้เราพูดบ่อย ทำดีทิ้งเหว เราทำดีเพื่อความดี ทำเสร็จแล้วสบายใจ นี่ไง บุญแท้ๆ เป็นอย่างนี้ไง ทำความดีเพื่อความดี เราทำความดีกับลูกเรา ลูกเรายังไม่รู้จักว่าเราทำดีกับมันนะ แต่เราทำแล้วเราก็ภูมิใจ พอโตแล้วเราจะไม่บอกว่าเราได้บกพร่องต่อหน้าที่ “ลูก พ่อขอโทษนะ ตอนนั้นพ่อไม่ได้ทำ” นี้เราทำแล้ว แต่มันจะไม่เข้าใจ มันจะอย่างไรก็เรื่องของมัน เราทำของเราๆ
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์คือทำบุญทิ้งเหว แต่โลกก็คิดไปอีกแหละ “ถ้าอย่างนั้นแล้วไอ้พวกค้ามนุษย์อย่างนี้ เราไปช่วยเหลือเขาหรือ”
โอ้โฮ! ทำไมโง่ได้ขนาดนั้นนะ ไอ้พวกค้ามนุษย์ เราต้องจับมันสิ ต้องบอกเขาให้ไปจับ ต้องบอกเจ้าหน้าที่เลย พวกนี้มันฆ่าคน มันทำลายคน
เขาบอกเวลาทำบุญทิ้งเหว เจอขอทานก็จะให้ไง ไอ้พวกค้ามนุษย์ไง
เราบอก เฮ้ย! ทำไมมึงโง่ได้ขนาดนี้วะ เพราะอะไร เพราะคนมันสูงต่ำ แต่ถ้าคนมันเป็นความจริงๆ นะ คำว่า “ทำความดีทิ้งเหว” คือไม่ต้องการผลการชื่นชมจากใคร ไม่ต้องการให้ใครมาเชื่อถือศรัทธา ไม่ต้องการให้ใครมาเคารพนับถือ นี่เขาเรียกว่าทำบุญทิ้งเหว
การทำบุญที่ดีที่สุดคือการทำบุญทิ้งเหว คือทำแล้วจบ โยนลงไปในเหว มันจะไม่มีสิ่งใดตอบแทนเลย เพราะมันตกลงไปในเหว แต่นี่ อู้ฮู! ฉันจะทำบุญแล้วนะคะ ไม่มองสักหน่อยเลยหรือ ถ่ายรูปไว้เยอะๆ นั่นไง แล้วบอกทำดีแล้วไม่ได้ดีๆ ก็เอ็งอยากได้ เอ็งก็ไม่ได้ดี
แต่บางคนทำนะ เขาแอบทำ ทำแต่ความดีของเขา แล้วเขามีความสุข มีความสุขเพราะอะไร เพราะไม่มีความอยากได้ ความอยากให้เขารู้จัก ความอยากให้เขานับถือ ทุกข์น่าดูเลย
ดูสิ ทางโลกเขามีฝ่ายประชาสัมพันธ์ เราอยากดังเราก็ตั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเรานะ โฆษณาอย่างเดียว จะดีจะชั่วไม่รู้ โฆษณาอย่างเดียว ดีเหมือนกัน คนเชื่อได้ เออ! แปลก นี่ไง ทำดีอย่างนั้นหรือ ทำดีโดยสมองไง ทำดีโดยกิเลส ทำดีโดยทางวิชาการ ทำได้ทั้งนั้นน่ะ แต่ไม่เป็นประโยชน์อะไรหรอก
ทำดีทิ้งเหว ทำเพื่อหัวใจของเรา ทำให้หัวใจเราอิ่มเต็ม อยู่ที่ไหนก็มีความสุขนะ คำว่า “อยู่ที่ไหนก็มีความสุข” อยู่ที่ไหนก็ไม่กังวลไง มันไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง ถ้าไม่เสียใจภายหลัง แล้วจิตใจอย่างนี้ถ้ามันคิดได้ของมันนะ มันอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ใช่ไหม อยู่โคนไม้ก็อยู่ได้ใช่ไหม เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาได้แล้ว
นี่ไง แต่เวลาคนเรามาจากโลกไง อู้ฮู! อยู่ทางโลกนะ จะไปวัด มันหยำเปซะ ๗ วัน แล้วไปวัดมันก็ไปนอนเลย โอ้โฮ! สุขสบายมาก เพราะมันเมาหัวราน้ำมา ๗ วัน จะมาวัด เพราะจะมาวัดมันก็รู้ก่อน มันก็เสพเต็มที่เลย แล้วก็ไปวัด เวลามันไปวัดแล้วมันก็นอนสบายของมันใช่ไหม ไอ้ของเราจะไปวัด ไปแล้ว อู้ฮู! อึดอัดขัดข้องไปหมดเลย อะไรติดขัดไปหมดเลย นี่ไง เพราะหัวใจมันไม่พร้อมไง
แต่ถ้าเราทำบุญทิ้งเหว เราไม่ต้องการสิ่งใดเลย ไปวัด ไปวัดมันก็เหมือนเราเป็นปกติอยู่แล้ว พอปกติอยู่แล้ว เราเริ่มต้นจากตรงนี้ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ คำว่า “หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ” เราจะค้นหาหัวใจของเราแล้ว
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนถึงจิตตภาวนา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาสู่จิตของมนุษย์ การรื้อสัตว์ขนสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ การรื้อสัตว์ขนสัตว์คือรื้อหัวใจของสัตว์โลก เพราะสัตตะผู้ข้อง จิตใจนี้มันมีอวิชชา มียางเหนียว มันติดไปหมดเลย มันอยากได้อยากดี อยากได้อยากดีแบบโง่เขลาเบาปัญญานะ อยากได้อยากดีโดยที่ไม่เป็นศีลเป็นธรรมไง
ความอยากได้อยากดีที่เป็นศีลเป็นธรรม คำว่า “เป็นศีล” ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีลคือความปกติของใจ ศีล ๒๒๗ พระเวลามีศีล ๒๒๗ ขึ้นมาแล้ว ศีลสมบูรณ์แล้ว ทำความสงบของใจให้ได้ขึ้นมา ถ้าทำได้ขึ้นมา ศีล สมาธิ เกิดสมาธิขึ้นมา ความเป็นสมาธิ จิตตั้งมั่นๆ พอจิตตั้งมั่น จิต แรงโน้มถ่วงของโลก มันหมุนไปตลอด
นี่ก็เหมือนกัน ความโน้มถ่วงของกิเลสที่มันอยากได้อยากดีของมัน มันเป็นอิสระ มันพ้นจากแรงโน้มถ่วงของกิเลส นี่จิตเป็นสัมมาสมาธิ มันเป็นอิสระ แล้วถ้าจิตที่พ้นจากแรงโน้มถ่วง เวลามันสร้างประโยชน์ มันเอามาทดลองทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ที่เขาจะทดลองต่างๆ เขาต้องขึ้นไปทดลองบนยานอวกาศ เพื่อไม่ให้มีแรงโน้มถ่วง เพื่อให้ผลของมันมีคุณค่าไง
นี่ก็เหมือนกัน เราจะคิด เราจะทำอะไร มันคิดแต่เพื่อตัวเองทั้งนั้นน่ะ มันคิดโดยความอยากได้อยากดีทั้งนั้นน่ะ เป็นพระอรหันต์ทั้งหมดเลย เดินจงกรม ๒ รอบเป็นพระอรหันต์ นอนหลับตื่นขึ้นมาเป็นพระอรหันต์ มันฝันเพ้อเจ้อ แล้วชาวพุทธชอบ ชอบที่ไม่ต้องทำอะไรเลยแล้วได้ผลตอบแทน มันไม่มีอยู่ในโลกหรอก
นี่ไง พระสารีบุตรตามพระอัสสชิไป เห็นไหม ไปอยู่กับสัญชัย เวลาท่านมีบุญมีวาสนานะ สร้างอำนาจวาสนามาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา สร้างมา ต้องสร้างมา ไม่สร้างมาจะไม่มีบารมีขนาดนั้น แต่เวลาอยากประพฤติปฏิบัติไปอยู่กับสัญชัยก่อน เวลาศึกษากับอาจารย์ นั่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ แล้วในไม่ใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ คือไม่ใช่ มันจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้
เวลามาเห็นพระอัสสชิเดินบิณฑบาตอยู่ โอ้โฮ! สำรวมระวัง มีสติสัมปชัญญะทุกอย่างพร้อม ด้วยสายตาของผู้ที่มีสติปัญญา ตามไปนะ ด้วยมารยาท ให้ท่านฉันให้เรียบร้อยก่อน ล้างบาตรเสร็จแล้วเข้าไปกราบท่าน ถึงได้ถามท่านว่า “ท่านบวชมาจากใคร”
“อ๋อ! เราบวชมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอย่างไร”
“โอ๋ย! เราผู้บวชใหม่”
คนจะสื่อสารธรรมะ ถ้าตัวเองยังมีแรงโน้มถ่วง มีตัวตนของตนอยู่ อีโก้ อยากอวดว่ากูแน่ กูเก่ง กูยอดเยี่ยม มันจะตอแหลกับเขา แต่ถ้าคนที่จิตใจเป็นธรรม จิตที่มันสะอาดบริสุทธิ์ พระอัสสชิเป็นพระปัญจวัคคีย์ เป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์เพิ่งบวชใหม่ พระอรหันต์ไม่มีปัญญาหรือ นี่ไง สื่อ มันพ้นจากแรงโน้มถ่วง พ้นจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากแล้ว มันเป็นประโยชน์ไปหมดเลย
“แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอย่างไรล่ะ”
“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่าธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ต้องกลับไปดับที่เหตุ กลับไปดับที่ต้นเหตุ ไปดับสิ่งที่มันเป็นตัวเหตุที่มันเกิดเหตุและปัจจัย” นี่ไง พระสารีบุตรใช้ปัญญาพิจารณาต่อเนื่องไปนะ พิจารณาเข้าไป สำเร็จเป็นพระโสดาบันเลย นี่มันต้องมีเหตุมีผลไง
ถ้ามันแรงโน้มถ่วงก็ของกูๆ...ของกูก็กิเลสมึงไง ถ้ามึงแน่ก็กิเลสมึงทั้งนั้นน่ะ เวลาสอนก็สอนแต่กิเลสมึง อ้างธรรมะขององค์สมด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่สอนด้วยความเห็นของตน แล้วผิดพลาดทั้งนั้นเลย แต่ถ้าเป็นจริงๆ ขึ้นมามันจะเป็นสัจจะเป็นความจริง
นี่พูดถึงว่าวันนี้วันพระ วันพระคืออะไร วันพระคือวันพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระรัตนตรัย แก้วสารพัดนึกของเรา เป็นที่ยึดเหนี่ยวของเรา จับต้องเป็นนามธรรม เราจะไม่ได้อะไรเลย จิตใจเราจะมีความสุข ความสงบ ความระงับ ความอบอุ่น ความพอใจ
เขาร่ำรวยกัน เขามียศถาบรรดาศักดิ์ เรื่องของเขา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนี้นะ แข่งขันกันเข้าไปกอดแท่งเหล็กนั้น ผู้ที่มีอำนาจเข้าไปกอดแท่งเหล็กนั้น มันมีแต่ผลกระทบทั้งนั้นน่ะ
แต่ของเรานะ เราวางหมดแล้ว เราวางหมดแล้ว เกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพเสมอกันทั้งนั้นน่ะ ทำหน้าที่การงานประสบความสำเร็จ เราวางหมดแล้ว เป็นหน้าที่ของเยาวชน เป็นหน้าที่ของผู้นำรุ่นใหม่ แล้วเราจะมาค้นคว้า มาหาสัจจะความจริงในใจของเรา อัตตสมบัติ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาจะมาชักนำเรานะ ให้หัวใจของเราพ้นจากการครอบงำของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามาก
แต่พวกเราดื้อ อวดดี รู้มาก สุดยอด ไม่มีอะไรติดหัวใจเลย เพราะอะไร เพราะสัตตะผู้ข้อง ข้องสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นประโยชน์กลับไม่รู้จักมัน ถ้ามีสติมีปัญญาจะค้นคว้าอย่างนี้ นี่คือพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในหัวใจของสัตว์โลก เอวัง